วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Direct-firing Biomass Powerplant



นายฉัตรนรินทร์ เรืองพริ้ม   5310063051
นายทศพร ทองแท้    5310060172
นายตะวัน  อรรฐาเมศร์    5310061048
นายณัฐภาคย์   โพธิ์ศรี    5310063101
นายพงศกร  ฤทธิบันลือ  5310063192
Direct-firing Biomass Powerplant
พลังงานจากชีวมวล เป็นพลังงานที่ได้จากพืชและสัตว์ หรือองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตหรือสารอินทรีย์ต่างๆ รวมทั้งการผลิตจากการเกษตรและป่าไม้ เช่น ไม้ฟืน แกลบ กากอ้อย วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอื่นๆ รวมถึง การนำมูลสัตว์ ของเสียจากโรงงานแปรรูปทางเกษตร และขยะ มาเผาไหม้โดยตรงและนำความร้อนที่ได้ไปใช้ หรือนำมาผลิตก๊าซชีวภาพ โดยขบวนการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีโดยอาศัยจุลินทรีย์
ชีวมวลแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น
แกลบ เป็นชีวมวลที่ได้จากโรงสีข้าว เมื่อนำข้าวเปลือก 1 ตัน ผ่านกระบวนการแปรรูปต่างๆ แล้ว จะใช้พลังงานทั้งสิ้น 30-60 kWh พื่อให้ได้ข้าวประมาณ 650-700 กิโลกรัม และจะมีวัสดุที่เหลือจากกระบวนการผลิตหรือ แกลบ ประมาณ 220 กิโลกรัม หรือเทียบเท่าพลังงานไฟฟ้าได้ 90-125 kWh
                
                    

กาก (ชาน) อ้อย เป็นชีวมวลที่ได้จากโรงงานน้ำตาล เมื่อนำอ้อย 1 ตัน ผ่านกระบวนการแปรรูปต่างๆ แล้ว จะใช้พลังงานทั้งสิ้น 25-30 kWh และใช้ไอน้ำอีก 0.4 ตัน เพื่อให้ได้น้ำตาลทรายประมาณ 100-121 กก. และจะมีวัสดุเหลือจากการผลิตคือ กากอ้อย เหลือประมาณ 290 กิโลกรัมหรือได้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 100 kWh

เปลือกปาล์ม กะลาปาล์ม และทลายปาล์ม เป็นชีวมวลที่ได้จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เมื่อนำปาล์ม 1 ตัน ผ่านกระบวนการแปรรูปต่างๆ แล้ว จะใช้พลังงานทั้งสิ้น 20-25 kWh ใช้ไอน้ำ 0.73 ตัน เพื่อได้น้ำมันปาล์ม 140-200 กิโลกรัม และจะเหลือเปลือกปาล์มประมาณ 190 กิโลกรัม ได้เป็นทลายปาล์ม 230 กิโลกรัม เทียบเป็นพลังงานไฟฟ้า 120 kWh

เศษไม้ เป็นชีวมวลที่ได้จากโรงเลื่อยไม้ เมื่อนำไม้ 1 ลูกบาศก์เมตร ผ่านกระบวนการแปรรูปต่างๆ แล้ว จะใช้พลังงานทั้งสิ้น 35-45 kWh เพื่อให้ได้ไม้แปรรูป 0.5 ลบ.ม. และจะเหลือเศษไม้ 0.5 ลบ.ม.เช่นกัน กลายมาเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ 80 kWh

การเผาไหม้คือวิธีที่เก่าแก่และถูกใช้มากที่สุดนับตั้งแต่อดีตกาล เพื่อที่จะนำพลังงานออกมาจากชีวโมเลกุลชนิดของแข็งทั้งหลาย ระหว่างการเผาไหม้นั้นพลังงานส่วนมากจะถูกนำออกมาในรูปความร้อนซะเป็นส่วนใหญ่ โดยจะใช้วัฏจักรไอน้ำในการนำพลังงานออกมา เริ่มที่เผาชีวมวลแล้วใช้ความร้อนนั้นไปให้ความร้อนกับน้ำจนกลายเป็นไอน้ำที่มีความดันและอุณหภูมิที่สูง ก่อนที่ไอน้ำจะขยายตัวที่กังหันใบพัดซึ่งการหมุนของกังหันใบพัดจะทำให้เกิดพลังงานไฟฟ้าขึ้น หลังจากนั้นไอน้ำก็จะถูกทำให้เย็นลงแล้วนำกลับไปใช้ในวัฎจักรอีกครั้ง

    


โดยกังหันไอน้ำนี้จะสามารถสร้างพลังงานได้  1MW ไปจนถึง 50MW ซึ่งจะขึ้นกับขนาดของโรงงาน คุณภาพของชีวมวลก็มีผลเช่นกัน จะขึ้นอยู่กับตัวแปรเช่นแหล่งที่มาหรือการทำพรี-ทรีตเมนด้วยเพราะระบบการเผาไหม้นั้นจะจัดการกับเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพหลากหลายได้แตกต่างกัน องค์ประกอบทางเคมีและปริมาณความชื้นของชีวมวลจะมีอิทธิผลต่อลักษณะการเผาไหม้เช่น พลังงานสะสม ขี้เถ้าและมลพิษ เป็นต้น
คุณภาพและความเป็นเนื้อเดียวเดียวกันจากแหล่งที่มาจะเป็นตัวกำหนดความยุ่งยากซับซ้อนของการเผาไหม้ด้วย กล่าวก็คือ ถ้าเป็นโรงงานขนาดเล็กก็ยิ่งจำเป็นต้องใช้ชีวมวลที่มีคุณภาพและหนึ่งเดียวกันสูง


ตัวอย่างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลในประเทศไทย
เอ.ที.ไบโอพาวเวอร์




โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยชีวมวลเป็นโครงการของ รัฐบาลโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน มีนโยบายให้เอกชนมาร่วมสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Producers หรือ SPP) เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าโดย ใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น แกลบ ชานอ้อย ซังข้าวโพด เหง้ามันสำปะหลัง กะลาปาล์ม เศษไม้กิ่งไม้ เป็นต้น เป็นเชื้อเพลิง (เชื้อเพลิงชีวมวล) และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อช่วยพัฒนาพลังงานทดแทน เสริมระบบผลิตไฟฟ้าของประเทศให้มั่นคงยิ่งขึ้น ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ เนื่องจากการใช้เชื้อเพลิงใน การผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันนี้ ร้อยละ 90 ใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันเตา ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงจากซากดึกดำบรรพ์ ( Fossil) ที่ใช้แล้วหมดไปและร่อยหรอลงทุกวัน เช่น ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย คงจะหมดภายใน 30 ปีหากไม่สามารถขุดหาเพิ่มเติมได้


เมื่อชีวมวลเป็นพลังงานทางเลือก การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลจะต้องพิจารณาถึงร่างผังเมืองที่มีมาตรฐานกำหนดการใช้ที่ดินสำหรับกิจการพลังงานทางเลือก ซึ่งบางพื้นที่จะกำหนดให้สามารถสร้างได้และบางพื้นที่ไม่สามารถสร้างได้
ในขณะเดียวกันช่วงเวลาระหว่างที่มาตรการในการควบคุมผังเมืองหมดอายุหรือรอประกาศบังคับใช้ใหม่ควรมีข้อกำหนดที่ระบุไว้ชัดเจนเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลนี้
ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2554 อ้างอิงจาก สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน www.eppo.go.th เพื่อประกอบการสัมมนา เรื่อง ผลกระทบต่อสุขภาพจากนโยบายพลังงานชีวมวล วันที่ 2-3 เมษายน 2555 ณ โรงแรมรามาการ์เด้น กรุงเทพมหานครฯ

ตารางที่ 1 แสดงปริมาณชีวมวลชนิดต่างๆ (ยกเว้นไม้ฟืน) ที่ผลิตได้ในประเทศไทย ปีเพาะปลูก 2540/41
ชนิด
ผลผลิต1 /
ชีวมวล
พลังงานทั้งหมด

(1,000 ตัน)
ประเภท
(1,000 ตัน)
(1,000 GJ)
(1,000 toe)
อ้อย
46,873
ชานอ้อย
11,718
108,392
2,566
ข้าวเปลือก2/
23,580
แกลบ
5,423
77,386
1,832


ฟางข้าว
10,540
107,930
2,555
มันสำปะหลัง
15,590
ลำต้นมันสำปะหลัง
1,247
22,970
544
ปาล์มน้ำมัน
2,681
ทะลายปาล์ม
1,147
20,485
485


เส้นใยปาล์ม
394
6,942
164


กะลาปาล์ม
131
2,418
57
มะพร้าว
1,386
กาบมะพร้าว
502
8,147
193


กะลามะพร้าว
222
3,980
94
รวม
90,110

31,324
358,650
8,490

ข้อดีของเชื้อเพลิงชีวมวล
    -มีปริมาณกำมะถันต่ำ
    -ราคาถูกกว่าพลังงานเชิงพาณิชย์อื่น ต่อหน่วยความร้อนที่เท่ากัน
    -มีแหล่งผลิตอยู่ในประเทศ
    -พลังงานจากชีวมวลจะไม่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก และแทบจะไม่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศหรืออากาศเป็นพิษเลยในกรณีมีการปลูกทดแทน

ที่มา : 1. สถิติการเกษตรของประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรและสหกรณ์
2. รวมผลผลิตข้าวเปลือกจากนาปีและนาปรัง
5. มูลนิธิพลังงานและสิ่งแวดล้อม(มพส.) www.efe.or.th


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น